เมื่อมีการกำหนดรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนของ Customer journey และ Customer journey map หรือในแต่ละ Touchpoint แล้ว นักการตลาดจะเห็นข้อมูลได้ชัดว่ายิ่งองค์กรที่มีลูกค้าหรือกลุ่มลูกค้าแยกตามแบรนด์จำนวนมาก ยิ่งทำให้ Touchpoint จำนวนมากขึ้นไปด้วย หากใช้การคุมงานแบบ Manual แล้วมีโอกาสที่จะพลาด หรือหลงลืมในบาง Touchpoint ไป จึงมีการพัฒนาเครื่องมือสำหรับนักงานตลาด หรือ MarTech ต่าง ๆ เพื่อช่วยในการทำงาน ทั้งยังสามารถช่วยวิเคราะห์ และแนะนำบาง Touchpoint ที่มีผลลัพธ์ที่ดี โดยที่เราหรือทีมงานอาจจะมองข้ามไป

MarTech ที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้จัก

เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนและเข้ากับเนื้อหาที่ผ่าน ๆ มาของหัวข้อ Customer journey MarTech ที่จะแนะนำจะอิงจาก Touchpoint ต่าง ๆ เพื่อให้นักการตลาดสามารถนำไปลองประยุกต์ใช้ได้ง่ายขึ้น

Touchpoint 1 Awareness

จุดมุ่งหมายของ Awareness คือการเข้าถึงคนจำนวนมาก ทั้งที่เคยรู้จักหรือไม่รู้จักกับแบรนด์มาก่อน MarTech ที่แนะนำได้แก่

สร้าง Awareness ในด้วย edm

eDM

eDM หรือ electronic direct mail คือการส่งอีเมล์ไปยังกลุ่มลูกค้าของเรา โดยการส่งอีเมล์ประชาสัมพันธ์นี้เป็นการส่งผ่านระบบตัวกลาง ที่สามารถจัดวางรูปภาพ ข้อความ และ call to action ให้สวยงาน นอกจากนั้นเมื่อส่งอีเมล์ออกไปยังกลุ่มลูกค้าแล้วระบบ eDM จะสามารถวิเคราะห์ให้ได้ว่ามีการเปิดเข้ามาอ่านเมล์กี่คน ในส่วน call to action หากเราติด tracking ไว้ก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน

ดังนั้นการส่ง eDM ผ่านระบบตัวกลางจะช่วยให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ratio แบบไหนเหมาะสมสำหรับการส่งประชาสัมพันธ์แบบต่าง ๆ กับลูกค้าแต่ละกลุ่มนั้น เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการทำ eDM ในครั้งต่อ ๆ ไป

Social media หนึ่งใน Touchpoint สร้าง awareness ที่สำคัญ

Social media management

Social media เป็นหนึ่งช่องทางที่ถือได้ว่าสามารถสร้าง awareness ได้จำนวนมาก และรวดเร็วที่สุด โดยนักการตลาดสามารถเข้าไปบริหารจัดการ social media ads จากระบบหลังบ้านของ Facebook, google, TikTok และ อื่น ๆ ได้เอง แต่ที่จะมีปัญหาคือในส่วนของการสอบถามเข้ามาทั้งจากในช่องทาง IB หรือ comment ซึ่งหลาย ๆ ครั้งตัวระบบไม่ทำการแจ้งเตือน การใช้ social media management จึงเสมือนเป็นเครื่องมือที่ฝ่ายซัพพอร์ตสามารถเข้าสู่ระบบได้จากที่เดียว และตอบคำถามต่าง ๆ ที่ลูกค้าส่งมาได้ โดยมีการตกหล่นน้อยที่สุด

ในบาง social media management platform จะมีระบบในการช่วยบริหารจัดการตัวโฆษณา (ads) ด้วย ซึ่งมีบางระบบที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนกว่าการใช้ระบบหลังบ้านของ Facebook, google ในการทำโฆษณา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมาดูกันที่ผลลัพธ์ด้วยค่ะว่าผลที่ได้จากการทำโฆษณาจาก social media management หรือ หลังบ้านอันไหนดีกว่ากัน

ใช้ Influencer platform ในการเพิ่มยอดการรับรู้ของแบรนด์

Influencer platform

Influencer platform เป็นแพลตฟอร์มสำหรับหา influencer ที่มีความเหมาะสมในการช่วยประชาสัมพันธ์แบรนด์ การใช้แพฃตฟอร์มจะช่วยให้นักการตลาดมีตัวเลือกมากขึ้น สามารถส่งสโคปงานและดูความเหมาะสมของ influencer แต่ละคนกับแคมเปญที่กำลังจะจัดได้มากขึ้น นอกจากนั้นในหลายๆ influence platform ยังมีในส่วนการวิเคราะห์ผลงานของ Influencer แต่ละคนที่ได้ใช้บริการและผลลัพธ์ที่ได้มาต่อคนด้วย

Touchpoint 2-3 Engagement และ Consideration

เราจับ 2 Touchpoint นี้มารวมกันเนื่องจากว่า MarTech ที่ใช้มีความคล้ายคลึงกัน และ journey ของลูกค้าก่อนซื้อสินค้าในปัจจุบันมีการทำซ้ำ engagement กับ consideration ไปมาก่อนจะตัดสินใจ โดย MarTech ที่จะช่วยใน 2 Touchpoint นี้มีดังนี้

สร้าง blog เพื่อสร้าง engage และ community

Blog

Blog เป็นเครื่องมือการตลาดที่นักการตลาดออนไลน์คุ้นเคย แต่เชื่อไหมว่านักการตลาดออนไลน์หลาย ๆ ท่านยังใช้งาน Blog ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จุดประสงค์หลักของการมี blog ในปัจจุบันคือการทำ SEO content โดย SEO จะแบ่งเป็นการจัดการ 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 1. เทคนิค 2. เนื้อหา

SEO trick สำหรับการทำ Blog ในส่วนเทคนิค นักการตลาดต้องทำการตรวจสอบ blog อย่างสม่ำเสมอตามหัวข้อดังนี้

  1. ว่ามีความเร็วเป็นอย่างไร
  2. มีออเรอร์ไหม
  3. มีลิงค์เสียหรือไม่
  4. สามารถเปิดอ่านในมือถือได้ดีหรือเปล่า (Mobile friendly)

หากสามารถทำได้ ประกอบการเนื้อหาที่นำมาเผยแพร่มีความน่าสนใจ มีคีย์เวิร์ด (keywords) ชัดเจนแล้วละก็ โอกาสในการติดหน้าแรกของ google มีสูงแน่นอนค่ะ

สร้าง Engagement ด้วยการจัด webinar

Webinar

ในการขายสินค้าหรือบริการบางอย่าง มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานให้แก่ลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะสามารถตัดสินใจเลือกซื้อ หรือเลือกใช้งานได้ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การจัดสัมนาออนไลน์ หรือ webinar สามารถเป็นตัวช่วยในการเพิ่ม engagement ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นการจัด webinar สามารถเปิดโอกาสให้เข้าถึงลูกค้าห่างไกลที่ไม่สะดวกเดินทางมาฟังสัมมนา สามารถฟังออนไลน์ รวมถึงสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์ได้

ทำ retargeting

Retargeting

Retargeting ช่วยให้คนที่สนใจสินค้าหรือบริการเห็นสินค้าเดิมซ้ำ ๆ รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยตัวโฆษณาที่เป็น retargeting นั้นมีโอกาสได้ conversion มากกว่าการยิงโฆษณาปกติ
การทำ retargeting ที่ดีนั้นต้องมีการสร้าง

  • Product tracking
  • Product category

เพื่อให้ระบบหลังบ้านของตัวโฆษณาสามารถดึงข้อมูลของสินค้าหรือบริการที่เราต้องการทำ retargeting ได้ถูกต้อง รวมทั้งยังสามารถทำโฆษณาให้เป็น carousel ads หรือการโฆษณาที่สามารถแสดงรูปภาพได้หลายภาพในครั้งเดียว หรือวิดีโอในโฆษณา โดยที่แต่ละชิ้นสามารถกดคลิกลิงก์เพื่อสอบถามหรือสั่งซื้อได้ และดึงสินค้าหรือบริการใกล้เคียงหรือมีสถิติว่าส่วนใหญ่ซื้อคู่กันมาโฆษณาเพื่อทำการเพิ่มยอดขาย (Upsell) ได้อีกด้วย

Touchpoint 4 conversion

ช่องทางหลักในการซื้อขายสินค้าออนไลน์สำหรับลูกค้าองค์กรส่วนใหญ่จะเป็นการขายผ่านหน้า Official website หรือเว็บไซต์ขององค์กรเอง marketplace เจ้าดังต่าง ๆ รวมถึง Social media ที่มี การที่ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้หลายช่องทาง ทำให้นักการตลาดออนไลน์ มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าลูกค้าของเรานั้นเป็นใครกันแน่ หรือเป็นการสร้าง customer profile ของลูกค้าให้ชัดเจน เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์ และนำเสนอสินค้าและบริการที่เหมาะสม รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ลูกค้าอาจจะมีความสนใจอีกด้วย

Touchpoint สำคัญในการสร้าง conversion

Tracking system

เครื่องมือที่ขาดไม่ได้ใน Touchpoint นี้คือ tracking การติด tracking จะช่วยให้นักการตลาดรู้ว่าลูกค้ามาจากช่องทางใด มีพฤติกรรมในการใช้งานเว็บไซต์หรือ mobile application อย่างไรบ้าง
นอกจากเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแล้วการติด tracking นี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการทำ retargeting เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อ กลับมาซื้อซ้ำ หรือแนะนำสินค้าและบริการที่มีความน่าสนใจไปให้ได้อย่างเหมาะสม

Tracking สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำการตลาด

CDP

 

เมื่อมีลูกค้ามากถึงจำนวนหนึ่งการบริการจัดการลูกค้าย่อยมีความยุ่งยากเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย การใช้ CDP หรือ Customer Data Platform จะช่วยลดปัญหาเรื่องฐานข้อมูลของลูกค้าที่มีความซ้ำซ้อน (Duplicated profile) และช่วยในการสร้างกฏเพื่อสร้าง single profile ได้ง่ายขึ้นโดยจาก matching กึ่งออโต้จากระบบ

  1. ข้อดีของการใช้งาน CDP
  2. สามารถประเมิน Customer Lifetime Value (มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า) ได้
  3. สามารถวิเคราะห์พฤติกรรม ความสนใจของลูกค้าได้
  4. สามารถเชื่อมต่อเพื่อสร้างประสบการณ์ไร้ขอบเขตในการบริการ (Seamless) ให้แก่ลูกค้า

Touchpoint 5-6 Loyalty และ Advocate

เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการจากเราไปแล้ว ทำอย่างไรให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการกับเราอีกรอบ คำตอบคือ การสร้างความภักดีของแบรนด์ (Loyalty) ซึ่งการสร้างความภักดีของแบรนด์นั้นมีหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Brand ecosystem การสร้าง community การสร้างความเชื่อมั่น ซึ่งแต่ละองค์ประกอบในวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ส่วนในหัวข้อนี้จะขอพูดถึงเฉพาะเครื่องมือทางการตลาด (MarTech) ที่มีส่วนช่วยในการสร้างความภักดีของแบรนด์

CRM กับ loyalty touchpoint

CRM

CRM หรือ Customer relationship management เป็นต้นทางในการก่อให้เกิด loyalty program ขึ้นมา ด้วยตัวระบบจะทำการเก็บข้อมูลข้อมูลลูกค้าจากหลากหลายช่องทางมาบันทึก สามารถบันทึกการใช้งานหรือข้อสอบถามต่าง ๆ (log) เมื่อเรารู้ ซึ่ง CRM นี้เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตั้งแต่ Touchpoint แรก หรือ engagement แล้วเก็บข้อมูลมาจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นลูกค้า และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมในการซื้อซ้ำ และสร้าง community ของลูกค้าต่อไป

membership management เพื่อสร้าง customer loyalty

Membership management

เมื่อมีข้อมูลลูกค้าแล้ว Membership management จะมาช่วยตอบโจทย์ในการมอบความพิเศษให้แก่ลูกค้าแต่ละท่าน โดยการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมและตรงกับระดับของสมาชิก โดยฟีเจอร์หลักของ Membership management คือการได้รับคะแนน (earn point) และการใช้คะแนน (burn point) ซึ่งการตั้งการได้รับคะแนนและการใช้คะแนนรวมทั้งของที่สามารถใช้คะแนนแลกได้ต้องเหมาะสม ถึงจะสามารถดึงดูดให้ลูกค้าสนใจมาเป็นสมาชิก และขยับระดับสมาชิกขึ้นเรื่อย ๆ

ใช้ Social listening เพื่อเข้าใจลูกค้ามากขึ้น

Social listening

Social listening เป็นเครื่องมือสำหรับนักการตลาดออนไลน์ที่จะช่วยมอนิเตอร์ว่ามีใครพูดถึงแบรนด์เราอย่างไรบ้าง ดีหรือไม่ดี มีการพูดถึงผ่านช่องทางไหนบ้าง ซึ่งจะทำให้แบรนด์สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ในโลกออนไลน์ได้เร็วขึ้น สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ ที่จะตอบโจทย์ที่ลูกค้ากำลังมองหาได้ตรงจุดมากขึ้น

หากองค์กรใดมีความสนใจบูรณาการเครื่องมือทำการตลาด (MarTech) เข้ากับระบบขององค์กรเพื่อเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ทางบริษัท ก็อทอิทซ์ จำกัด มีทีมที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการเลือกเครื่องมือทำการตลาด (MarTech) ให้เหมาะสมกับความต้องการไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนและวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด รวมถึงลดค่าใช้จ่ายหรือเวลาในการบูรณาการเครื่องมือที่มากเกินความจำเป็น

สามารถติดต่อเพื่อรับคำปรึกษาฟรีได้ที่
E-mail : admins@gotitz.com