Digital Transformation เป็นเครื่องมือหรือกลไกสำคัญ สำหรับการทำธุรกิจมาพักใหญ่แล้ว เพราะ Digital Transformation ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดีและยังช่วยให้องค์กรต่าง ๆ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้อย่างตรงตามความต้องการ
นักการตลาด คือบุคลากรสำคัญในการทำหน้าที่วางแผนกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เพื่อส่งข้อมูลสินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้ถึงมือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยเทคนิคการสื่อสารที่ทันสมัย และตอบสนองทุกความต้องการในยุคดิจิทัล และไม่เพียงแค่วางกลยุทธ์ แต่ยังรวมไปจนถึง การขยายโอกาสทางการขาย ในรูปแบบใหม่ด้วย โดยทักษะที่นักการตลาดในยุค Digital Transformation
ต้องมีนั้นมีหลากหลาย และจะต้องหลอมรวมทักษะเหล่านั้นเพื่อใช้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดได้แบบองค์รวม ทั้งความรู้ทางการตลาด Soft Skill, Hard Skill และการประยุกต์ใช้ความรู้ทางเทคโนโลยี
บทความนี้ เราจึงจะพูดถึงทักษะการทำงานที่นักการตลาดควรมีในยุค Digital Transformation
1. แนวคิดแบบ Agile (Agile Mindset)
เพราะโลกหมุนไปพอ ๆ กับเข็มวินาทีการบริหารจัดการยุคใหม่จึงต้องเน้นไปที่ความคล่องตัว Agile เป็นการทำงาน มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อให้ตัดสินและดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เน้นการถก สร้างเฟรมเวิร์กเชิงสร้างสรรค์เพื่อกระตุ้นให้กล้าคิดนอกกรอบ ส่งเสริมความหลากหลายในแง่ของการจัดการความท้าทาย ในหลายรูปแบบที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน Agile มุ่งเน้นไปที่การแยกงานออกเป็นเหตุการณ์สำคัญเน้นแยกงานหรือเหตุการณ์เป็นชิ้นเล็ก และง่ายต่อการพิชิตเป้าหมาย
การแยกงานนี้ยังดีตรงที่ตรวจสอบง่ายขึ้น ดังนั้นเป้าหมายแต่ละเป้าจึงอยู่ในสายตาของผู้บริหารและสามารถติดตามผลได้ตลอด
2. สันทัดเรื่อง Video Marketing
ในการผลิตคอนเทนต์ลักษณะคลิปวีดีโอสั้นผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TikTok, Instagram หรือ Facebook
มีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลจึงต้องมีความตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของการใช้ VDO Marketing นักการตลาดยุค Digital Transformation ควรรู้จักวิธีสร้างวิดีโอ หรือเลือกใช้เครื่องมือการสร้างวิดีโอ
โดยที่ไม่ต้องจ้างมืออาชีพในทุก ๆ ชิ้นงานนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ไม่เพียงแค่เครื่องมือในการผลิตเนื้อหาเท่านั้น นักการตลาดจะต้องระดมความคิดเพื่อให้ได้คอนเซฟ (Concept) หรือหาแนวคิดในการผลิตเนื้อหาให้มีความน่าสนใจ ทราบถึงกระบวนการถ่ายทำ และตัดต่ออย่างไรให้น่าติดตาม หากสามารถสร้างวิดีโอได้ด้วยตัวเองนอกจากจะประหยัดงบประมาณแล้ว คอนเทนต์ในรูปแบบคลิปวิดีโอ ยังเพิ่มอัตรา engagement ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อีกทั้งช่วยให้ลูกค้าเป้าหมายชมเนื้อหาของคุณ ได้หลายช่องทางยิ่งขึ้น
ดังนั้น นักการตลาดในยุค Digital Transformation จึงควรมีทักษะ หรือให้ความสำคัญในเรื่องของการทำ Video Marketing ด้วย
3. Content Marketing – เนื้อหาดีที่เป็นมิตรกับ SEO
เนื้อหาเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดดิจิทัลและ Content Marketing ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญของเกมกลยุทธ์ทางการตลาด การทำ Content Marketing ที่ดีนั้นต้องสามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง สั้น กระชับ ได้ใจความ มีการจัดรูปแบบข้อความ และมีการเรียบเรียงอย่างเหมาะสมสวยงามทเพื่อให้ content ที่เราใช้เวลาในการสร้างสรรค์มานาน สามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมาก ก็ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่อยู่ในความสนใจของผู้คน การเรียบเรียงก็ต้องเป็นมิตรกับ SEO และท้ายที่สุดที่ห้ามลืมคือ การทำ call to action เพื่อดึงดูดผู้ชมและเปลี่ยนผู้ชมให้มาเป็นลูกค้า
เนื้อหาหรือคอนเทนต์สามารถมีได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่วิดีโอ โซเชียลเน็ตเวิร์ก อีเมล บล็อก หรืออื่น ๆ อีกมากมายนักการตลาดต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียและคัดสรรเนื้อหาที่เหมาะสมเพื่อนำไปเผยแพร่ในแต่ละช่องทางเพื่อดึงดูดหรือกระแทกตาลูกค้าให้หยุดดูคอนเทนต์เรา ขณะที่กำลังใช้แพลตฟอร์มให้ได้มากที่สุด กล่าวโดยสรุปกุญแจสำคัญของคอนเทนต์คือ keywords trends และ เนื้อหา นั้นเอง
4. วิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือต่าง ๆ Data Analytics
ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดดิจิทัลในด้านใด การวิเคราะห์จะเป็นกุญแจดอกสำคัญของกลยุทธ์และช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานได้ดีขึ้น เช่น การออกโปรโมชั่นหรือแคมเปญต่าง ๆ การตรวจสอบ และการรายงาน ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ดูเหมือนจะไม่ซับซ้อน แต่จากผลวิจัยของปีที่ผ่านพบว่า นักการตลาดเริ่มมองข้ามข้อมูล analytics ต่าง ๆ เนื่องจากไม่สามารถนำมาใช้ได้ สาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถใช้ข้อมูลที่เก็บมาได้นั้นก็เพราะนักการตลาดยังไม่เข้าใจว่าต้องเก็บข้อมูลใด เพื่อมาวิเคราะห์ หรือเพื่อดูผลลัพธ์อะไร ดังนั้นส่วนที่มีความยากลำบากที่แท้จริงของการวิเคราะห์ข้อมูลคือ การกำหนดวิธีการรวบรวมข้อมูล หากข้อมูลที่เก็บมามีความหมายแล้วจะนำไปสู่การวิเคราะห์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือ หา Customer insight เมื่อเข้าใจลูกค้าอย่างถ้องแท้แล้ว จะนำไปสู่การหาโซลูชันที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่ม Traffic เข้ามาในเว็บไซต์หรือ Social media และ เพิ่มอัตรา Conversion Rate
ธุรกิจส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ต่างก็มีข้อมูลจำนวนมากที่จะต้องคอยติดตาม และนักการตลาดดิจิทัลจำเป็นต้องเข้าใจวิธีรวบรวมและใช้งานข้อมูลนี้ให้เกิดประโยชน์ บริษัทหรือธุรกิจต่าง ๆ จะคอยมองหานักการตลาดยิ่งในยุค Digital Transformation นักการตลาดที่ไม่เพียงแต่รู้วิธี “อ่าน” ข้อมูล โดยใช้ทักษะทางเทคนิคทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังต้องมีทักษะในการถอดรหัสหรือดึงข้อมูลลูกค้า เพื่อสกัดออกมาและเสนอเป็นกลยุทธ์การตลาด หรือเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ในอนาคต หากใช้ Digital Technology มาประยุกต์ใช้ และนำเสนอออกมาเป็นแคมเปญจนประสบความสำเร็จ ก็อาจเรียกได้ว่านี่เป็นสกิลของนักการตลาดมือทอง และถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่าในวงการการตลาดเลยทีเดียว
5. ทำความเข้าใจการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) และการวางแผน
Design Thinking เป็นคำที่หมายถึงวิธีการเข้าถึงปัญหาจากมุมมองที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง แนวทางดังกล่าวสนับสนุนให้เราคิดแบบมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ตามรายงานของ The Interaction Design Foundation ซึ่งมี 5 ขั้นตอนดังนี้
-
การทำความเข้าใจปัญหา (empathize)
-
การเลือกเฉพาะข้อมูล
ที่สัมพันธ์กับปัญหานั้น ๆ (define) -
การนำไอเดียที่ได้
มาทำให้เกิดขึ้นได้จริง (ideate) -
การสร้างวิธีต้นแบบ (prototype)
-
และการทดสอบแนวทางแก้ไขปัญหา (test)
อีกเทคนิคที่นิยมใช้ควบคู่กับ design thinking คือ Agile เพราะยืดหยุ่นในขั้นตอนได้ คุณอาจเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบ แล้วกลับมาที่ขั้นตอนในการหาแนวคิดใหม่ได้
6. การโน้มน้าวใจ
นักการตลาดดิจิทัลที่ยอดเยี่ยมในยุค Digital Transformation จะไม่เพียงแค่มีทักษะที่ชำนาญเท่านั้น แต่ควรมีความสามารถรวมการคิดเชิงวิเคราะห์ แก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ ขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าด้วยเทคนิคการโน้มน้าวใจ เพื่อให้ลูกค้าหันมาสนใจสินค้าและบริการ โน้มน้าวให้ใครบางคนซื้อผลิตภัณฑ์ได้ การโน้มนาวคือการอธิบายด้วยหลักการและความมั่นใจว่าองค์กรกำลังทำอะไรอยู่และแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายปลายทางความสำเร็จเป็นภาพได้อย่างชัดเจน
7. ช่ำชองเทคโนโลยี (Tech Savvy)
นักการตลาดยุค Digital Transformation จะต้อง Tech savvy หมายถึงเป็นนักการตลาดที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านไอทีไม่ใช่แค่ผิวเผินแต่ต้องช่ำชอง สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ และเครื่องมือทางการตลาดได้ในทุกอุปกรณ์ที่เปิดให้ใช้งานได้ไม่ว่าจะเป็นการทำงานผ่าน Notebook แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือ Mobile Device ที่ปัจจุบันนี้ กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้ว
จากพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดีย เช่น LINE และ Facebook และยูทูป การนำการตลาดไปเชื่อมกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียดังกล่าว เช่น Line@ Facebook Marketplace นี่คือสิ่งที่นักการตลาดแนว Tech savvy ต้องมีและห้ามตกเทรนด์เป็นอันขาด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างดีช่วยให้ต่อยอดและสร้างสรรค์ ช่องทางการวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้มากมาย นอกจากนี้ เพราะบรรดานักพัฒนาเทคโนโลยี หรือ Developer ทั้งหลายล้วนคิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์และแอปพลิเคชันออกมาตลอดเวลา นักการตลาดดิจิทัลที่เชี่ยวชาญรู้จักการผสมผสานใช้เทคโนโลยีจะติตตามเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ และเข้าใจ รวมถึงใช้เทคโนโลยีนั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง และตรงตามแผนการตลาดได้ดีกว่า
นักการตลาดเองต้องก้าวตามให้ทัน Digital Transformation เสมอ แต่ถ้าให้ดีไปกว่านั้นคือเดินไปข้างหน้า ไปให้ไวกว่าเทรนด์ คาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้บ้างว่า ภายใต้ยุค Digital Transformation อะไรจะขึ้นบ้าง เพื่อที่จะได้ Proactive หรือทำการตลาดเชิงรุกมากกว่าการตั้งรับ และทั้งหมดนี้ คือทักษะการทำงาน ที่นักการตลาดควรมีในยุค Digital Transformation ทั้ง Hard และ Soft Skill
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ฟรีได้ที่ admins@gotitz.com