AI Deep learning Machine Learning คืออะไร ปัจจุบัน เรื่องของ AI กลายเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีความสำคัญกับมนุษย์เป็นอย่างมาก รวมถึงคำที่เรามักจะได้ยินควบคู่ไปกับระบบปัญญาประดิษฐ์ นั่นก็คือ Machine Learning และ Deep Learning ที่ก้าวเข้ามาเป็นทางเลือกสำหรับการเสริมสร้างระบบการทำงานต่างๆ ของมนุษย์ ทั้งด้านการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเรียกได้ว่า 3 คำนี้มักจะเป็นสิ่งที่พูดถึงกันอย่างต่อเนื่องและเกี่ยวโยงกันอยู่เสมอ

 

อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายคนไม่น้อยที่เกิดความสงสัยว่าแท้จริงแล้ว AI, Deep Learning และ Machine Learning มีความเกี่ยวกันอย่างไร มีความหมายอย่างไร แตกต่างหรือเหมือนในด้านไหนบ้าง ใช้ประเภทเดียวกันหรือเปล่า ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จัก AI , Deep learning, Machine Learning คืออะไร และรายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญที่จะช่วยให้ได้ความชัดเจนและความเข้าใจที่ง่ายยิ่งขึ้น 

AI Deep learning Machine Learning คืออะไร

AI Deep learning Machine Learning คืออะไร รู้จักกับคำนิยามของความล้ำหน้าฉบับมือใหม่ เข้าใจง่าย

 

AI คืออะไร

AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence โดยสามารถแปลเป็นภาษาได้ว่า ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีที่สามารถบริหารจัดการข้อมูลมหาศาล ทำการประเมินผล วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จนกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่พร้อมพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยการเริ่มใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ ได้มีการสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อช่วงปี ค.ศ. 1956 โดยนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากสหรัฐอเมริกา มีชื่อว่า John McCarthy ที่ได้พัฒนาจนสามารถสร้างเครื่องจักรที่มีความชาญฉลาดและแนวคิดแบบมนุษย์ได้เป็นเครื่องแรกนั่นเอง

 

AI หมายถึง ความฉลาดเทียมที่มีอยู่ในตัวสิ่งที่ไม่มีชีวิต มาพร้อมกับคุณสมบัติในการทำความเข้าใจ การเรียนรู้ การประมววลผล วิเคราะห์ รวมถึงการรับรู้ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามองค์ความรู้ที่มนุษย์พึงมี โดยระบบ AI ถือว่าเป็นแขนงหนึ่งของการวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรม แต่ยังสามารถรวมไปถึงความสามารถด้านอื่นๆ ที่ถูกนำมาใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ ไม่ว่าจะเป็น ระบบชีววิทยา, ระบบปรัชญา ตลอดจนระบบจิตวิทยา ที่เราจะเห็นระบบ AI มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ มีการปรับตัวเอง การทำงานของระบบสมองเทียม รวมถึงการอนุมานต่างๆ ที่ทั้งหมดนี้ได้ถูกพัฒนาและปรับปรุงขึ้นมาเพื่อให้ระบบปัญญาประดิษฐ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

 AI สามารถทำงานได้ตลอดเวลาและไม่มีวันหยุด ไม่มีการเหนื่อยหรือพักผ่อน ระบบปัญญาประดิษฐ์จะมีสมองเทียมจำนวนหลายล้านที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและการทำงานที่ต่อเนื่องที่พร้อมจะถูกประมวลผลออกมาให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถทำงานแบบเดิมๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ตอบคำถามเดิม ปฏิบัติอย่างเดิมได้โดยไม่มีการจำกัด AI จะมีข้อผิดพลาดในการทำงานที่น้อยผ่านการพัฒนาและออกแบบจากนักพัฒนา ที่ถึงแม้จะมีจุดบกพร่องแต่ผลลัพธ์ที่ได้มามักจะมีการผิดพลาดที่น้อยมาก

 

นอกจากนี้ ระบบ AI ยังสามารถที่จะวิเคราะห์และประมวลผลเชิงคาดการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม สามารถเห็นถึงอนาคตและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดได้อย่างแม่นยำสูง ตลอดการจัดเก็บ จัดการและประมวลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย 

 

กล่าวโดยสรุปได้ว่า AI หมายถึง เทคโนโลยีประดิษฐ์ สมองเทียมที่จะสามารถเข้ามาช่วยให้มนุษย์สามารถทำงาน จัดการปัญหา วิเคราะห์สิ่งต่างๆ ได้อย่างดีและแม่นยำ สามารถทำงานแทนที่และเหมือนกับมนุษย์ มีศักยภาพในการพัฒนาตนเองและเลียนแบบแนวคิด พฤติกรรมของมนุษย์ พร้อมด้วยองค์ความรู้ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงาน ทั้งในด้านเหตุผล การตัดสินใจ การเรียนรู้ การปรับตัว และการใช้เหตุผลต่างๆ ที่ AI สามารถจัดการได้อย่างอัตโนมัติและรวดเร็ว ปัจจุบันถูกนำมาใช้ประกอบในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ มากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกและทำหน้าที่ได้อย่างดีเลยทีเดียว

AI Deep learning Machine Learning คืออะไร

Deep learning คืออะไร

เป็นคำที่ถูกพูดถึงบ่อยเลยทีเดียวสำหรับ Deep Learning คือ การจำลองระบบการประมวลผลของเซลล์ประสาทและสมองของมนุษย์ กล่าวได้ว่าเป็นการเลียนแบบการทำงานของระบบสมองมนุษย์ ที่ Deep Learning เป็นอีกแขนงหนึ่งของ Machine Learning โดยการทำงานของ Deep Learning จะใช้โครงสร้างที่เหมือนกับเซลล์ประสาทในสมองของมนุษย์มาประเมินผลเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ สามารถที่จะประมวลผลได้อย่างแม่นยำ รวดเร็วและทรงพลังเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

 

โดยเมื่อ Deep Learning ได้รับข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งมา จะทำการแยกรายละเอียดพร้อมจำแนกข้อมูลทั้งหมด พร้อมทั้งประมวลผล วิเคราะห์เพื่อหาข้อมูลเชิงลึก เสมือนกำลังกรองข้อมูลให้กลายเป็นแยกย่อยเพื่อที่จะข้อมูลที่สำคัญที่สุด สรุปออกมาเป็นผลการประมวลที่มีแนวโน้มตามที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับพืช ที่คุณต้องการค้นหาคำตอบว่าพืชชนิดนี้คืออะไร มาจากที่ไหน  ระบบของ Deep Learning จะทำการรับข้อมูลเข้าพร้อมกรองรายละเอียด หลังจากนั้นก็นำไปตรวจสอบและแสดงผลคาดการณ์ออกมาว่า มีแนวโน้มจะเป็นพืชชนิดใดนั่นเอง 

 

การทำงานของ Deep Learning จะมีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา การคาดการณ์ข้อมูลที่แสดงออกมา เมื่อมีการผิดพลาดหรือคาดการณ์ไม่ถูกต้อง ก็จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้นๆ นำกลับไปพัฒนาให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และแตกย่อยเป็นรายละเอียดที่มากกว่าเดิมในอนาคต เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาตนเองได้อย่างอัตโนมัติ โดยที่มนุษย์ไม่ต้องเติมข้อมูลเข้าไปเพิ่มหรือแนะนำสิ่งใด ดังนั้น เราจึงจะสามารถแบ่ง Deep Learning ได้ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Recurrent Neural Network ข้อมูลที่ได้มีการพัฒนาและถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อที่จะคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอนาคต ส่วนอีกหนึ่งรูปแบบคือ Feedforward Neural Network คือการประมวลผลจากข้อมูลชุดเดียวที่ไม่ได้นำกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง

 

การทำงานของ Deep Learning มีการขยายตัวที่ไม่มีสิ้นสุดและมีความยืดหยุ่นสูง เพราะคุณไม่จำเป็นที่จะต้องจัดโครงสร้างใดๆ ในข้อมูล ไม่ต้องแยกออกจากกันว่าเป็น เสียง รูปภาพ ตัวเลข ตัวอักษร  ข้อความ และ วิดีโอ แต่ Deep Learning สามารถที่จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมาประมวลผลเพื่อคาดการณ์ได้อย่างอัตโนมัติ คุณไม่จำเป็นต้องจับคู่ข้อมูล ไม่ต้องควบคุมหรือจัดหมวดหมู่ก็สามารถที่จะจัดการกับความซับซ้อนและข้อมูลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

 

Machine Learning คืออะไร

Deep Learning เป็นซับเซ็ตของ Machine Learning และตัวของ Machine Learning ก็เปรียบเสมืองสมองของระบบปัญญาประดิษฐ์ AI เช่นเดียวกัน ความแตกต่างกับ Deep Learning นั้น ส่วนของ Deep Learning จะสามารถจัดการกับข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติด้วยการพัฒนาตนเองและมีความยืดหยุ่นสูง โดย Machine Learning เป็นกำลังสำคัญของระบบ AI ที่จะใช้ในการสร้างสรรค์ความชาญฉลาดในการจัดการสิ่งต่างๆ เป็นการกำหนดหรือใส่ข้อมูลเพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างดี 

 

Machine Learning ไม่ได้ทำงานด้วยการเขียนโปรแกรมของมนุษย์ แต่พัฒนาตนเองจากความรู้ที่ได้รับที่มนุษย์จะทำการเขียนลงภายในระบบ AI และ AI ก็ได้นำมาประมวลข้อมูลกับระบบ Machine Learning จนกลายเป็นชุดข้อมูลที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ โดย Machine Learning จะทำการเรียนรู้ข้อมูลจากสิ่งต่างๆ พร้อมกับจดจำเป็นพื้นฐานเพื่อสำหรับการใช้งาน กล่าวได้ง่ายๆ ว่าสิ่งที่ AI ได้ทำในด้านต่างๆ จะมีการใช้ส่วนการเรียนรู้และสมองที่เรียกว่า Machine Learning ซึ่งจะเป็นการใช้ Algorithm สำหรับการประมวลผลนั่นเอง

 

โดยในปัจจุบัน Machine Learning อยู่ในรอบๆ ตัวของมนุษย์แบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ไม่ว่าจำเป็นระบบสั่งการด้วยเสียงอย่าง Siri ที่ Machine Learning ได้เป็นตัวสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งที่เรียกว่าระบบประมวลผลด้วยภาษาธรรมชาติอย่าง NLP หรือ Natural Language Processing ที่ Machine Learning ได้มีการพัฒนาให้ NLP สามารถทำงานด้วยภาษาที่เหมือนกับมนุษย์และมีการตอบกลับ การสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติและมีภาษาที่สละสลวยนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ Machine Learning ได้ถูกใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น Health Care

, Google Assistant และ Face ID เป็นต้น 

 

บทส่งท้าย

เราสามารถเห็นได้ถึงความเกี่ยวข้อของ AI, Machine Learning และ Deep Learning ได้จากความหมายและระบบการทำงานที่เปรียบได้ว่า Machine Learning และ Deep Learning เป็นสมองของ AI ที่แตกย่อยออกไปทำงานและช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Machine Learning จะทำหน้าที่ในการเป็นหน่วยความรู้ให้แก่ AI สำหรับการเกิดการวิเคราะห์ ความรู้ การประมวลผลต่างๆ และแตกย่อยไปเป็น Deep learning ที่มีความลึกซึ้งและความยืดหยุ่น สามารถพัฒนาตนเองและปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลาย 

 

และนี่ก็เป็นเรื่องราวของ 3 ทหารเสือแห่งโลกดิจิทัล ที่เราจะเห็นได้ถึงระบบการทำงานที่อัจฉริยะและกลายเป็นส่วนสำคัญของมนุษย์และอุตสาหกรรมต่างๆ ในโลก